วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2555

เมืองวิถีธรรมชาติ หัวใจยั่งยืน แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่

เวลาเราดูภาพ นาข้าวขั้นบันไดสีเขียว สวยน่ะสวยอยู่หรอก แต่มันก็คงงั้นๆ ถ้าขาดมู้ดของชาวนาลงไปเดินย่ำขาดเจ้าทุยไปเดินไถ เหมือนกับภาพนี้ที่เรามาเห็นในแม่แจ่มที่ครบองค์ประกอบของชาวนาและเจ้าทุยซึ่งทำให้นาข้าวธรรมดากลายเป็นผืนนามีชีวิต

และถ้าสัมผัสกับเมืองนี้ถึงแก่น คุณจะรู้เลยว่า ชื่อแม่แจ่มเขาแจ่มสมชื่อ และเมืองนี้ไม่ได้แจ่มเรื่องนาข้าวอย่างเดียวเท่านั้น หากยังแจ่มไปถึงจิตใจคนที่มีลมหายใจเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติบางครั้งชีวิตมันก็ใฝ่หาความเรียบง่ายซึ่งถ้าลองเดินก้าวไปในแม่แจ่ม คุณจะรู้สึกว่าจังหวะก้าวของคุณนั้นมันเชื่องช้าลงเรื่อยๆ อยากหยุดก็หยุด อยากแวะก็แวะ จุดหมายมีไว้เพื่อบอกปลายทางเท่านั้น แต่สิ่งที่ตกหล่นระหว่างทางหากลองเก็บขึ้นมามองให้ลึกซึ้ง น่าจะทำให้คุณทึ่งในความหมาย และเมืองนี้ก็ใช่เลย...แม่แจ่ม

ยามเช้าเมื่อสายหมอกโรยตัวปกคลุมเมืองทั้งเมืองก็ตกอยู่ในความสลัวๆ ดูมึนๆ แต่มีเสน่ห์น่าค้นหา ครั้นพอแสงตะวันแรกโผล่พ้นขุนเขาและสายหมอกเริ่มจางลง คุณจะพบความสดใสหลังหมอกจาง เพราะแม่แจ่มเธอก็จะเผยความงามของความเป็นเมืองในอ้อมกอดของขุนเขาที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันอุดม เดินเล่นไปตามนาขั้นบันได แม้ไม่ได้เกิดเป็นลูกชาวนา แต่กว่าพวกเขาปลูกข้าวให้เรากินแต่ละคำๆ มันน่าเหนื่อยจริงๆ ความสวยจากรวงข้าวสีทองไม่ได้สวยเพียงตาเห็น แต่ยังสวยซึมลึกไปถึงใจที่เราได้ซึมซับถึงคุณค่าใครๆ ก็อยากมาชมนาขั้นบันไดของแม่แจ่มทั้งนั้น แต่จะให้แจ๋วกว่านั้น ต้องลองเรียนรู้ว่าพวกเขาปลูกข้าวบนขั้นบันไดได้อย่างไร นั่นก็เพราะเขาเข้าใจธรรมชาติ รู้จักวิธีกักเก็บน้ำ และปล่อยให้ไหลลงมาตามนาขั้นบันไดนั่นเอง

และถ้ายอมตื่นก่อนพระอาทิตย์ ออกมารับน้ำค้างทำตัวเหมือนยอดหญ้า พอแสงแรกแห่งวันปรากฏ คุณจะพบภาพของพระสงฆ์เดินบิณฑบาตไปตามท้องไร่ท้องนาผ่านต้นข้าวกล้าเขียวขจีมีผู้คนที่ยึดมั่นในศรัทธามายืนตักบาตรริมทุ่ง ทำให้เราเห็นถึงความน่ารักน่าเลื่อมใสในพลังศรัทธาของผู้คนที่นี่ ครั้นพอถึงหน้าหนาวต้นข้าวสีเขียวก็จะออกรวงเปลี่ยนสีเป็นสีทองเหลืองอร่าม และนี่คือวันเวลาของฤดูกาลเก็บเกี่ยวตักตวงผลิตผลจากการลงแรงลงใจไปบนผืนดินอันเป็นที่รัก

เพราะวิถีชีวิตของผู้คนผูกพันกับพุทธศาสนาแม่แจ่มจึงมีวัดวาอารามสวยงามหลายแห่งและมีของดีอยู่เพียบ เช่น วัดพุทธเอ้น เห็นวัดนี้ครั้งแรกต้องอ้าปากค้างในความงาม วัดนี้คลาสสิกสุดๆ ที่นี่เป็นวัดสำคัญของแม่แจ่มซึ่งด้านหน้าวัดยังมีพระอุโบสถกลางน้ำเก่าแก่งดงามและเป็นสถาปัตยกรรมหนึ่งเดียวไม่เหมือนที่ใด และไม่ไกลคือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นตาน้ำใสไหลรินชั่วนาตาปีจนคนที่นี่ไม่ต้องซื้อน้ำประปาใช้แต่มาขนน้ำจากตาน้ำนี้ไปใช้ดื่มกินได้ไม่มีวันหมด

ส่วน วัดยางหลวง วัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งมีปรากฏการณ์ประหลาดซุกซ่อนไว้คือภายในพระวิหาร เมื่อปิดประตูหน้าต่างให้ได้มุมมองพอเหมาะ องศามหัศจรรย์ของแสงก็จะทำให้เกิดภาพของพระอุโบสถสะท้อนเข้ามาอยู่ในวิหารทั้งหลัง เห็นได้ชัดเจน แถมไม่กลับหัวอย่างพระธาตุหัวกลับเมืองลำปางที่เคยโด่งดังมาจาก Unseen Thailand ด้วยนา


มาแม่แจ่มแล้วต้องไม่ลืมดู “ตีนจก” ผ้าทอชิ้นเอกของคนที่นี่ ตีนจกแม่แจ่มไม่เหมือนที่ไหน เพราะสวยบาดใจแม้ว่าราคาตอนนี้จะแพงลิบ และถ้ายังไม่อิ่มพอ ต้องขอไปชมการทำปิ่นทองเหลือง ที่พ่ออุ้ยบ้านทำปิ่นปักผมบ้านทัพ ซึ่งใช้เวลาในแต่ละวันบรรจงสร้างสรรค์งานทำปิ่นโบราณโดยไม่หวั่นอาการหลังขดหลังแข็ง ว่ากันว่าแม่แจ่มเป็นเมืองในหุบเขา ที่มีอากาศหนาวที่สุดแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ มาเที่ยวแม่แจ่มหน้าหนาวแล้วได้นั่งผิงไฟมองดูหมู่ดาว มันคงโรแมนติกสุดยอด ชี้ชวนกันชมฟากฟ้าไกลซึ่งระยิบระยับจับตาด้วยหมู่ดาวและทางช้างเผือกมองเห็นได้ชัดเจนอยู่ลิบๆทอดข้ามขอบฟ้าเหนือหุบเขา ปล่อยจินตนาการล่องลอยไปไกลเกินฝัน การันตีได้เลยว่าไม่มีเมืองใดจะแจ่มในใจคุณได้เท่าเมืองนี้