วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เมืองเหนือจินตนาการ อุทัยธานี


อุทัยธานี เมืองเล็กๆ อันสงบเงียบริมฝั่งแม่น้ำสะแกกรัง นี่อาจเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวไม่เคยรู้เลยว่ามีความงดงามอย่างเหนือจินตนาการมาก่อน สิ่งที่เราจดจำได้ที่เมืองแห่งนี้คงเป็นภาพของพระภิกษุราว 500 รูป ซึ่งพากันเดินจากยอดเขาสะแกกรัง วัดสังกัสรัตนคีรี เพื่อลงมารับบาตรจากพุทธศาสนิกชนในวันออกพรรษางดงามราวกับว่าเดินลงมาจากสวรรค์

นี่คือเมืองที่แสนเรียบง่าย เล็กๆ แต่มากด้วยวิถีชีวิตของชาวเรือนแพที่เรียงรายอยู่ตลอดสองฝั่งแม่น้ำสะแกกรังอันคดโค้ง ไม่ใช่เรือนแพรีสอร์ทแต่อย่างใด แต่เป็นเรือนแพแท้ๆเป็นแพที่ผู้คนใช้ชีวิตอยู่กับมัน เป็นทั้งที่พักที่อยู่และที่ทำกินในเมืองอุทัย ที่ถือว่าเจริญที่สุดของที่นี่ ยังคงอุดมไปด้วยบ้านไม้และไร้ตึกสูงให้เห็น อันเป็นเสน่ห์ของเมืองที่ให้อารมณ์ย้อนยุคอย่างเต็มเปี่ยม

แต่ไม่ไกลนักภายใต้ความเรียบง่ายของชุมชนจนดูเหมือนจะเป็นเมืองที่ไม่มีอะไรให้รู้สึกพิเศษเหนือจินตนาการ หากเดินทางเลาะเลียบแม่น้ำสะแกกรังนี้ไปที่ วัดจันทารามหรือวัดท่าซุง ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำซึ่งผู้คนไปกราบไหว้เนืองแน่นอยู่ทุกวี่วัน..ที่นี่ท่านจะได้สัมผัสกับประกายแสงแวววับอันน่าอัศจรรย์อยู่ภายในมหาวิหารขนาดใหญ่อันมีนามว่า..วิหารแก้ว

ที่วิหารแก้วแห่งนี้ใหญ่โตอย่างยิ่ง เพดานสูงอย่างยิ่ง ภายในวิหารจึงมากไปด้วยเสาที่เรียงรายอยู่มากมายอย่างยิ่งเช่นกัน ทุกเสาทุกต้นรวมถึงผืนผนังทุกด้านล้วนถูกประดับประดาไปด้วยแก้วกระจกใสทอดยาวเหยียดถึง 100 เมตร เมื่อยามเปิดไฟกระจกแก้วใสมากมายเหล่านั้นจึงสะท้อนประกายแสงเจิดจ้าไปทั้วทั้งห้องปรากฎเป็นวิหารแก้วที่สวยงามเกินกว่าจินตนาการ เชื่อว่านี่คือวิหารแก้วที่อลังการที่สุดในเมืองไทย จนเป็นเรื่องเล่าขานกันว่า..ใครก็ตามที่เข้ามาในวิหารแก้วนี้จะลืมโลกภายนอกไปเสียสิ้น

ก็เห็นจะจริงดังว่า..เพราะการได้เข้ามาอยู่ภายใต้ความระยิบระยับของเมืองแก้วแห่งนี้ดูมีพลังอะไรบางอย่างที่สะกดตาให้เราอิ่มอลังการกับความสวยงาม และในเวลาเดียวกันมันก็สะกดใจให้เราจดจ่ออยู่กับแสงธรรมที่ระยิบระยับไปทั่วทั้งวิหาร ช่วงเวลานั้นดูเหมือนโลกภายนอกจะเป็นอย่างไรก็ลืมไปจนหมด เหมือนคนสลัดหลุดจากบ่วงของความยุ่งเหยิง เข้ามาอยู่ในเมืองที่สวยปานฝัน

จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นหลายคนห่มขาวมานั่งสงบจิตใจที่นี่ หลายคนเข้ามานมัสการทำบุญ และอีกมากคนที่เข้ามาด้วยความอยากได้มาเห็นและสัมผัสด้วยตาตัวเองสักครั้ง ว่าประกายแก้วจะก่อเกิดปริศนาธรรมอะไรให้ใจเรารับรู้ได้บ้าง ที่วิหารแก้ว วัดท่าซุงแห่งนี้เปิดช่วงเช้า 9.00 - 11.45 น. และช่วงบ่าย 14.00 -16.00 น. ใครจะมาสัมผัสความวิจิตรเหนือจินตนาการของที่นี่ก็กะเวลากันมา ให้ดีจะได้ไม่เสียจินตนาการ


เมืองเล็กๆ เมืองนี้ยังมีสิ่งที่เหนือจินตนาการอยู่อีกหลายอย่าง บ้านเรือนเก่าแก่แถบถนนศรีอุทัยวันนี้ ยังมีความงามของวิถีชีวิตที่น่าค้นหา โดยเฉพาะที่ ตรอกโรงยา ซึ่งเป็นย่านสูบฝิ่นสมัยโบราณ แต่วันนี้กลับเป็นย่านค้าขายที่มีเสน่ห์กับนักท่องเที่ยวซึ่งชอบบรรยากาศแบบย้อนยุค มีของอร่อยให้ลิ้มลองอยู่หลายอย่างชวนให้ไปสักครั้ง

บ้านฮกแซตึ๊ง เป็นบ้านเก่าของคหบดีชาวจีนสมัยก่อนที่เป็นร้านขายยา ทว่าวันนี้เขาปิดกิจการไปนานแล้วเหลือไว้เพียงความทรงจำกับบ้านเก่าที่เป็นตึกซึ่งลูกหลานอนุรักษ์ทุกสิ่งทุกอย่างไว้ได้เป็นอย่างดี จนเมื่อเดินเข้าไปชมความรู้สึกก็เหมือนกับว่าบ้านนี้ยังมีชีวิตและจิตวิญญาณที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เพราะยังมีให้เห็นทั้งตู้ยาโบราณ ครกบดยา มุมพักผ่อน โต๊ะชั่งตวงวัดและชั้นบนยังเป็นที่บูชาบรรพบุรุษซึ่งมีบรรยากาศและของเก่าแก่ที่สวยงามยิ่งนักยากจะหาที่ใดเหมือน

ใครที่ไม่เคยมีอุทัยธานีอยู่ในบัญชีการท่องเที่ยวมาก่อน ก็คิดใหม่ได้เลย แค่สองชั่วโมงกว่าๆ ใกล้ๆ กรุงเทพฯ แค่นี้เอง จะมาค้างคืนก็พักในเรือนแพก็มีจัดเป็นโฮมสเตย์อยู่หลายแห่ง พักในเรือนแพนี่แหละได้ฟิลลิ่งที่สุด ถ้ามาวันเสาร์ก็มีถนนคนเดินที่ตรอกโรงยา มีของเก่าๆ ให้เลือกดูเลือกซื้อด้วย แต่อลังการเหนือจินตนาการอย่างที่พลาดไม่ได้นั่นคือวิหารแก้ว แค่ได้ไปเห็น ได้ไปนั่งนิ่งๆ ในวิหารสักพัก รับรองจิตใจสวยงามเปล่งประกายดุจแก้วใส..สุดๆ อย่างนี้ เราเลยขอยกให้อุทัยธานีเป็นที่สุดแห่งความน่ารักอีกเมืองหนึ่งของเมืองไทย

ใครที่ไม่เคยมีอุทัยธานีอยู่ในบัญชีการท่องเที่ยวมาก่อน ก็คิดใหม่ได้เลย แค่สองชั่วโมงกว่าๆ ใกล้ๆ กรุงเทพฯ แค่นี้เอง จะมาค้างคืนก็พักในเรือนแพก็มีจัดเป็นโฮมสเตย์อยู่หลายแห่ง พักในเรือนแพนี่แหละได้ฟิลลิ่งที่สุด ถ้ามาวันเสาร์ก็มีถนนคนเดินที่ตรอกโรงยา มีของเก่าๆ ให้เลือกดูเลือกซื้อด้วย แต่อลังการเหนือจินตนาการอย่างที่พลาดไม่ได้นั่นคือวิหารแก้ว แค่ได้ไปเห็น ได้ไปนั่งนิ่งๆ ในวิหารสักพัก รับรองจิตใจสวยงามเปล่งประกายดุจแก้วใส..สุดๆ อย่างนี้ เราเลยขอยกให้อุทัยธานีเป็นที่สุดแห่งความน่ารักอีกเมืองหนึ่งของเมืองไทย










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น